ฮูนิเปโร เซอร์ร่า และเขตมิสซังแห่งแคลิฟอร์เนีย
เป็นเวลากว่าห้าสิบปีที่เขตมิสซังต่างๆ
เป็นกำลังสำคัญในการนำความเจริญละชีวิตสังคมมาสู่ชนพื้นเมืองอินเดียนแดง
และเป็นธงชัยสำคัญของการก่อตั้งอาณานิคมของชาวสเปน
เขตมิสซังเหล่านี้แผ่ขยายจากซาน ดิเอโกและกว้างไกลเลย ซาน ฟรานซิสโก
ในปัจจุบันเมืองต่างๆ ในแคลิฟอร์เนียตั้งชื่อตามเขตมิสซังเหล่านั้น เปรียบเสมือนเพชรพลอยประดับเรียงรายรอบ
เอล คามิโน รีอัล “เส้นทางกษัตริย์” อันเป็นเส้นการเดินทางใหญ่ที่เชื่อมเมืองต่างๆ
เข้าด้วยกัน ผู้ก่อสร้างเส้นทางนี้คือองค์บุญราศี ฮูนิเปโร เซอร์ร่า
ท่านเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่และมีผลงานมากมาย ชื่อของท่านถูกจารึกเคียงคู่กับเขตมิสซังต่างๆ
ที่ทำให้แคลิฟอร์เนียมีเสน่ห์ดึงดูดใจเสมอ ตลอดจนเรื่องราวต่างๆ ที่ได้รับการเล่าขานกันต่อๆ
มา
ตามความจริงแล้วท่านก่อตั้งเขตมิสซังเพียงหกแห่ง และตลอดชั่วชีวิตของท่านก็มีเขตมิสซังเพียงเก้าแห่งที่ก่อตั้งจนสำเร็จ
แต่เขตมิสซังเหล่านี้เป็นความคิดของท่าน และเขาฝังท่านไว้ที่เขตมิสซังคาร์แมล
อันเป็นเขตมิสซังที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งและเป็นสถานที่ที่ท่านได้ใช้เป็นจุดศูนย์กลาง
เมื่อท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานของเขตมิสซังแห่งแคลิฟอร์เนียในปี
ค.ศ. 1769 ท่านก็ได้เริ่มย่างเข้าสู่วัยชราแล้ว และท่านเสียชีวิตอีกสิบห้าปีต่อมาในปี
ค.ศ. 1784
แคลิฟอร์เนียถูกค้นพบในปี
ค.ศ. 1542 โดยนักเดินเรือชาวโปรตุเกสในราชการของกษัตริย์แห่งสเปน แต่เขตมิสซังต่างๆ
ก็ได้รับการก่อตั้งตามเส้นทาง เอล คามิโน รีอัล หลังจากนั้นกว่าสองร้อยปี
ในระหว่างนั้นเส้นทางนี้ก็ไม่ได้รับการดูแลจากชาวสเปนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของ
แต่ในปี ค.ศ. 1768 ทางราชสำนักสเปนก็ได้รับข่าวว่า เรือรัสเซียได้เข้าจอดเทียบท่าในบริเวณที่ต่อมาจะเรียกว่าอ่าวซาน
ฟรานซิสโก กษัตริย์คาร์ลอสที่สามแห่งสเปน ก็ได้มีบัญชาให้ก่อตั้งอาณานิคมและเผยแพร่ศาสนาที่อัลตา
แคลิฟอร์เนียอันเป็นชื่อในสมัยนั้น พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ
และขอให้คณะนักบวช ฟรังซิสกันที่นครเม็กซิโกแต่งตั้งประธานสำหรับการก่อตั้งเขตมิสซัง
บุคคลที่ได้รับเลือกคือ
คุณพ่อฮูนิเปโร เซอร์ร่า จากเกาะมาบอร์คา และเป็นอดีตอาจารย์วิชาปรัชญาที่ได้ละทิ้งงานสอน เพื่ออุทิศตนเองสำหรับงานมิสซังของสเปนใหม่
เราทราบถึงเรื่องราวการเดินทางของคุณพ่อเซอร์ร่าในแคลิฟอร์เนียจากบันทึกประจำวันของท่าน
และเราทราบด้วยว่าท่านมีปัญหากี่ยวกับเท้าของท่าน อันมีสาเหตุจากแผลงูกัดที่ท่านได้รับระหว่างการเดินเท้าจากเวราครูซมายังนครเม็กซิโก
เมื่อท่านเดินทางมาถึงเม็กซิโกใหม่ๆ ปัญหานี้ทำให้การเดินทางของท่านเจ็บปวดและยากลำบากมาก
เขตมิสซังสองแห่งแรกก่อตั้ง ณ บริเวณที่ค้นพบโดยชาวสเปนก่อนหน้านี้ กล่าวคือซาน
ดิเอโก และมอนเทอร์เรย์ทางทิศเหนือและใต้ตามลำดับ เขตมิสซังทางใต้ได้รับการตั้งชื่อว่า
ซาน ดิเอโก เดอ อัลคาลา ส่วนเขตมิสซังทางเหนือมีชื่อว่า ซาน คาร์ลอส
บอโรมิโอ ทั้งสองแห่งยังตั้งอยู่ตราบจนทุกวันนี้ เนื่องจากเขตมิสซังมอนเทอร์เรย์ก่อตั้งภายในที่ตั้งกองทหาร
คุณพ่อเซอร์ร่าจึงเห็นว่า ไม่สมควรที่ตั้งศูนย์กลางมิสซังขึ้นที่นี่
และท่านได้เลือกที่จะก่อตั้งที่คาร์แมลซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายไมล์ และกำลังก่อสร้างวัดสำหรับเขตมิสซัง
จากเขตมิสซังที่คาร์แมลนี้เองที่ท่านคอยดูแลงานก่อตั้งเขตมิสซังต่างๆ
ทั้งหมด ท่านได้เสียชีวิตและถูกฝังไว้ ณ ที่นี้
ในปี ค.ศ. 1771 ซาน อันโตนิโอ เดอ ปาดัว ก็ได้รับการก่อตั้งขึ้นทางทิศใต้ของมอนเทอร์เรย์
และในปีเดียวกันนั้นเองซาน กาเบรียล อาร์คเองเจิลก็ได้รับการก่อตั้งขึ้นใกล้ๆ
กับลอส เองเจลลิส ในปี ค.ศ. 1773 ซาน ลูอิส โอบิสโปก็ได้รับการก่อตั้ง
และในปี ค.ศ. 1776 เขตมิสซังที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชมมากที่สุดสองแห่งก็ได้รับการก่อตั้งขึ้น
กล่าวคือซาน ฮวน คาปิสตราโนใกล้ๆ กับซาน ดิเอโก และมิสซิโอน โดโลเรสซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนครซาน
ฟรานซิสโก
เมื่อคุณพ่อเซอร์ร่าเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1784 เขตมิสซังเก้าแห่งก็ได้รับการก่อตั้งตามชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย
โดยท่านเป็นผู้ก่อตั้งเองหกแห่ง หลังจากที่ท่านเสียชีวิตการขยายมิสซังก็ยังคงดำเนินต่อไป
และเมื่อปี ค.ศ. 1823 เขตมิสซังยี่สิบเอ็ดแห่งก็ได้รับการก่อตั้งข้างเส้นทางเอล
คามิโน รีอัล แต่ละแห่งจะอยู่ห่างกันชั่วการเดินทางหนึ่งวัน มิสซังเหล่านี้เป็นแบบอย่างสถาปัตยกรรมที่งดงาม
เป็นบ้านและที่พักพิงสำหรับชาวอินเดียนแดง และเป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ
ทางศาสนา การศึกษา และเกษตรกรรมมากมาย
เป็นเวลากว่าห้าสิบปีที่เขตมิสซังต่างๆ เป็นกำลังสำคัญในการนำความเจริญและชีวิตสังคมมาสู่ชนพื้นเมืองอินเดียนแดง
และเป็นธงชัยสำคัญของการก่อตั้งอาณาจักรนิคมของชาวสเปน แต่สิ่งที่หยุดยั้งงานแพร่ธรรมและเผยแผ่การศึกษาคือสงครามประกาศเอกราชของเม็กซิโกในปี
ค.ศ. 1821 สงครามนี้ทำให้เม็กซิโกแยกออกจากสเปน ส่วนแคลิฟอร์เนียก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสาธารณรัฐเม็กซิโกใหม่
เขตมิสซังต่างๆ เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนที่ก่อตั้งโดยกษัตริย์แห่งสเปน
และได้รับบริจาคอย่างมากมาย สม่ำ
สมอ
หลังจากที่เขตมิสซังได้รับการก่อตั้งขึ้นแล้ว ส่วนใหญ่ก็สามารถจะช่วยเหลือตนเองได้
และเมื่อเกิดการขาดแคลนเงินจากกองทุนก็จะถูกนำมาช่วยเหลือ ในปี ค.ศ.
1842 ประธานาธิบดีซานตาแอนนา ที่นำกองทัพเม็กซิโกสู้รบกับวีรบุรุษแห่งป้อมอลาโม
ก็ได้สั่งยึดเงินกองทุนและให้เขตมิสซังต่างๆ อยู่ในการดูแลของฆราวาส
เพียงไม่กี่ปีต่อมา กิจการงานของคุณพ่อเซอร์ร่าและเพื่อนคณะนักบวชฟรังซิสกันก็ถูกทำลายลง
เขตมิสซังต่างๆ ถูกปล้นสะดมและละทิ้ง ทศวรรษที่ยิ่งใหญ่ก็มาถึงจุดจบ
ในสมัยที่เขตมิสซังแห่งแคลิฟอร์เนียยังคงรุ่งเรืองอยู่ เขตมิสซังเหล่านี้ก็เป็นจุดศูนย์กลางของชนพื้นเมืองอินเดียนแดงที่อาศัยอยู่รอบๆ
เขตมิสซัง เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับบรรดาทหารชาว สเปนและครอบครัวที่สนับสนุนช่วยเหลืองานของบรรดานักบวช
และเป็นจุดรวมของนักบวชฟรังซิสกันที่คอยชี้ทางและดูแลเขตมิสซัง ทุกๆ
วันแต่เช้าตรู่ก็จะมีการย่ำระฆังพรหมถือสารประกาศเวลามิสซาเช้า หลังจากนั้นก็เป็นการเลี้ยงอาหารเช้า
ต่อจากนั้นก็จะเป็นการทำงานในทุ่งนาหรือโรงช่างไม้ จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยง
และทุกคนก็จะได้รับอาหารกลางวัน หลังจากการพักผ่อนช่วงสั้นๆ ในตอนบ่ายก็จะทำงานกันต่อไปจนถึงเวลาอาหารเย็น
บรรดาชนพื้นเมืองก็จะได้รับการสอนคำสอนเพื่อเตรียมตัวกลับใจเป็นคริสตังใหม่
และในตอนเย็นก็จะมีดนตรีและการเต้นรำ
เขตมิสซังแต่ละแห่งปลูกพืชผลสำหรับตนเอง มีฝูงปศุสัตว์และดูแลคนชราและผู้เจ็บไข้ได้ป่วย
หัวใจของมิสซังจะอยู่ที่ลานสี่เหลี่ยมผืนผ้า ณ ที่นี้เองจะมีการประชุมต่างๆ
เป็นสถานที่ที่เยาวชนจะได้รับการสอนงานช่างไม้ งานช่างเงิน การทำรองเท้าหรือหัตถกรรมอื่นๆ
และเป็นสถานที่ที่ผู้นำของครอบครัวจะได้รับการสอนการทำกสิกรรม และบรรดาสตรีได้รับการสอนให้ปั่นด้ายและทอผ้า
วัดจะเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตกลุ่มคริสตชน และวันสมโภชต่างๆ ก็จะได้รับการเฉลิมฉลองอย่างสง่างาม
งานก่อตั้งเขตมิสซังในแคลิฟอร์เนียก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความมักได้ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
เหมือนกับงานก่อตั้งเขตมิสซังของคณะนักบวชเยสุอิตในอเมริกาใต้ ซึ่งเราได้เห็นประวัติที่น่าเศร้าจากภาพยนตร์ใน
ค.ศ. 1986 ชื่อ “เดอะมิชชั่น” ผลงานที่ยิ่งใหญ่ในแคลิฟอร์เนียก็ถูกทำลายด้วยความโลภ
และผู้มีอำนาจที่เล็งเห็นประโยชน์ในระยะสั้นๆ ดังเช่น งานแพร่ธรรมของคณะนักบวชเยสุอิต
งานก่อตั้งเขตมิสซังของคณะนักบวชฟรังซิสกันในแคลิฟอร์เนีย ก็เป็นผลงานที่เกิดจากการอุทิศตนด้วยความรักเยี่ยงคริสตชน ต่อชนพื้นเมืองที่ไม่มีโอกาสได้รับพระพรให้รู้จักความเชื่อ
คริสตชน หรือไม่มีโอกาสก้าวหน้าทางการศึกษาและวัฒนธรรม เขตมิสซังต่างๆ
เป็นที่พักพิงซึ่งเต็มไปด้วยสันติสุข และความเจริญมั่งคั่งสำหรับครอบครัวชนพื้นเมืองอินเดียนแดงนับเป็นจำนวนพันซึ่งมาอาศัยพักพิง
เมื่อเขตมิสซังต่างๆ สูญสลายไป ผู้คนที่ต้องกระจัดกระจายไป ก็เหลือเพียงแต่ความทรงจำถึงนักบวชที่สุภาพและใจดี
แต่ความฝันของคุณพ่อเซอร์ร่าก็ไม่ได้สูญหายไปทั้งหมด ในปี ค.ศ. 1781
ลอสเองเจลลิส ก็ได้รับการก่อตั้งใกล้ๆ กับเขตมิสซังซาน กาเบรียล และในไม่ช้าก็มีการก่อตั้งเมืองต่างๆ
ณ บริเวณที่เคยเป็นเขตมิสซัง เช่น ซาน ดิเอโก, ซานตา บาบาร่า, ซาน ลูอิส
โอบิสโป, ซาน โฮเซ่, ซานตา คลาร่า, มอนเทอร์เรย์, ซาน ราฟาเอล, ซานตา
ครูซ และซาน ฟรานซิสโก ลูกประคำของสายประคำของคุณพ่อเซอร์ร่าหรือเขตมิสซังต่างๆ
ได้กลายเป็นรากฐานสำหรับแคลิฟอร์เนียในเวลาต่อมา ซึ่งเชื่อมโยงโดยเอล
คามิโน รีอัล อันเป็นเส้นการเดินทางที่เชื่อมเขตมิสซังต่างๆ เข้าด้วยกัน
มิสซังต่างๆ เหล่านี้ยังคงอยู่ และเป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อและการอุทิศตนของนักบวชกลุ่มเล็กๆ
ที่ได้หว่านเมล็ดพืชพันธุ์แห่งความเชื่อยังบริเวณที่ไม่เคยมีมาก่อน
Upload
29 June 2008
|